AES (มาตรฐานการเข้ารหัสขั้นสูง) คือ อัลกอริทึมการเข้ารหัสแบบสมมาตร ซึ่งหมายความว่ามีการใช้คีย์เดียวกันทั้งสำหรับการเข้ารหัสและ การถอดรหัส.
เป็นหนึ่งในวิธีการเข้ารหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดและถือว่าปลอดภัยสำหรับแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ AES ทำงานบนบล็อกข้อมูลที่มีขนาดคงที่ (128 บิต) และรองรับความยาวคีย์ที่ 128, 192 หรือ 256 บิต
การเข้ารหัส: กระบวนการแปลงข้อมูลข้อความธรรมดา (เช่น ข้อความหรือไฟล์) ให้เป็นข้อความเข้ารหัส (รูปแบบที่อ่านไม่ได้) โดยใช้คีย์ลับ
การถอดรหัส: กระบวนการแปลงข้อความเข้ารหัสกลับเป็นข้อความธรรมดาที่อ่านได้โดยใช้คีย์ลับเดียวกัน
ความปลอดภัยสูง: AES ถือเป็นหนึ่งในอัลกอริทึมการเข้ารหัสที่ปลอดภัยที่สุดที่มีอยู่ ทนทานต่อการโจมตีด้วยการเข้ารหัสส่วนใหญ่
ประสิทธิภาพ: รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทำให้เหมาะสำหรับการเข้ารหัสข้อมูลจำนวนมากในแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์
ใช้กันอย่างแพร่หลาย: AES เป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่ใช้โดยรัฐบาล ธนาคาร และระบบรักษาความปลอดภัยทั่วโลก (รวมถึงรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สำหรับข้อมูลที่จัดประเภท)
ความหลากหลาย: สามารถใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ รวมถึงการเข้ารหัสไฟล์ การป้องกันฐานข้อมูล ความปลอดภัยในการสื่อสาร และ VPN
การสร้างคีย์: ขั้นแรก คุณต้องมีคีย์ลับ (128, 192 หรือ 256 บิต)
การเข้ารหัส: ส่งข้อมูลข้อความธรรมดาและคีย์ผ่านอัลกอริทึม AES เพื่อรับข้อความเข้ารหัส
การถอดรหัส: ใช้คีย์เดียวกันเพื่อย้อนกลับการเข้ารหัสและดึงข้อความธรรมดาต้นฉบับ
ไลบรารี/เครื่องมือ: ภาษาการเขียนโปรแกรมส่วนใหญ่มีไลบรารีสำหรับใช้การเข้ารหัส AES:
Python: ไลบรารี pycryptodome หรือการเข้ารหัส
Java: แพ็กเกจ javax.crypto
C#: คลาส System.Security.Cryptography.Aes
Node.js: โมดูลการเข้ารหัส
โหมดการทำงาน: เลือกจากโหมดต่างๆ (เช่น CBC, GCM, ECB) ตามความต้องการด้านความปลอดภัยและการพิจารณาประสิทธิภาพ
เมื่อใดที่คุณต้องรักษาความปลอดภัยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือการสื่อสารส่วนตัว
เมื่อนำการเข้ารหัสที่จัดเก็บข้อมูลไปใช้กับไฟล์ ฐานข้อมูล หรือการสำรองข้อมูล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อสร้างช่องทางการสื่อสารที่ปลอดภัย เช่น ใน VPN, TLS/SSL หรือ การส่งข้อความแบบเข้ารหัส
ใน สภาพแวดล้อมที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด (เช่น สถาบันการเงิน ระบบการดูแลสุขภาพ) ที่ต้องใช้มาตรฐานการเข้ารหัสที่เข้มงวด